22/10/58

แนะนำ Deck Mech Druid

โดยปกติแล้วผู้เล่นหลายคนเวลาพูดถึงเด็ค mech ก็มักจะนึกถึงเด็ค mech ของ class ที่เป็นกระแสหลัก หรืออยู่ในระดับ metagame อย่างเด็ค Mech Mage, Mech Shaman, หรือล่าสุดที่กำลังมาแรงคือ Mech Warrior แต่วันนี้ผมจะมานำเสนอเด็ค mech ที่แทบไม่เคยอยู่ในกระแสเลย นั่นคือเด็ค Mech Druid (อ่านบทความแนะนำการสร้างเด็ค mech พื้นฐานได้โดย คลิกที่นี่)

Deck Mech Druid เป็นเด็ครูปแบบ midrange ค่อนไปทาง aggro โดยมี minion เผ่า mech เป็นส่วนประกอบหลัก และส่วนใหญ่จะเป็น minion ขนาดกลาง โดยเราจะไม่ได้ใช้ minion เผ่า mech ประจำ class เลย (เพราะมันไม่ค่อยเก่ง) แต่จะใช้การ์ดอื่น ๆ ของ class ที่สามารถเสริมเด็คให้มีความเร็วมากขึ้นอย่าง Innervate และ Darnassus Aspirant สำหรับปั่นมานาเพื่อร่าย minion ลงบอร์ดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ได้ tempo advantage อย่างมาก (จากเดิมที่ mech ก็มีการ์ดอย่าง Mechwarper อยู่แล้ว) และใบปิดเกมสำคัญอย่าง Savage Roar ซึ่งมี Living Roots ที่เสก token Sapling 1/1 ให้ 2 ตัวเพื่อใช้ combo กับการ์ดดังกล่าวด้วย



Decklist



การเล่น Deck Mech Druid

การ์ดที่ควรเก็บ (keep) ในมือแรก กรณีเริ่มก่อนควรจะมีการ์ดค่าร่าย 1 เพื่อจะสามารถตั้งบอร์ดในเทิร์นแรก (first turn drop) เพื่อชิง tempo หรือไม่ก็มี Innervate เพื่อจะร่าย minion ค่าร่าย 3 ได้ กรณีเริ่มหลังไม่ต้องซีเรียสเรื่องการ์ดค่าร่าย 1 แต่ควรจะมีการ์ดอย่าง Darnassus Aspirant หรือ Mechwarper ในมือ จะทำให้เทิร์นต่อมาเราจะได้เปรียบมาก และเรายังสามารถเก็บ minion ค่าร่าย 4 ไว้ได้ด้วย (ถ้าเริ่มก่อนไม่แนะนำให้เก็บการ์ดค่าร่ายมากกว่า 3 ในมือแรก) สำหรับ match-up ที่เจอกับ Hunter หรือ Warrior ควรเก็บ Annoy-o-Tron ไว้ จะช่วยเบรคเกมอีกฝ่ายจาก minion ตัวเล็ก ๆ ของ Hunter และ Fiery War Axe ของ Warrior ได้ หากเจอ Hunter, Paladin, หรือเด็ค aggro ที่มี minion เลือด 1 เยอะ ๆ ควรเก็บ Swipe ไว้เคลียร์บอร์ดอีกฝ่าย ยิ่งหากได้ยิง hero เพื่อเคลียร์ด้วยจะทำให้เกมเรานำมาก


การเล่นของเด็คนี้จะดูที่สถานการณ์เป็นหลัก ต้องใช้ประสบการณ์พอสมควรในการตัดสินใจที่จะเลือกเทรด (trade) minion หรือตีหน้า (go face) แต่ส่วนใหญ่จะเทรดเพื่อคุมบอร์ด โดยต้องคำนึงถึงการ์ดล้างบอร์ดของอีกฝ่ายเสมอ เช่น เวลาเจอ Paladin เราอาจต้องยอมเสีย minion health ต่ำกว่า 3 ไปเทรดแลกเพื่อรักษา minion health 3 ขึ้นไปให้รอดจาก Consecration เป็นต้น ในบางทีเราอาจใช้ hero power เพื่อฆ่า minion อีกฝ่าย เพื่อลดการสูญเสีย minion ของเราโดยไม่จำเป็น การเลือกร่าย minion ก็สำคัญ ต้องวางแผน และคำนวณมานา (mana) ให้ดี อ่านเกมอีกฝ่ายให้ขาด และควรใช้ Spart Part ที่ได้จาก Clockwork Gnome, Tinkertown Technician, และ Mechanical Yeti ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

การที่เลือกใส่ Harvest Golem เพราะต้องการให้มี minion ค่าร่าย 3 ในจำนวนที่พอเหมาะ ซึ่งการใส่ Tinkertown Technician 2 ใบนั้นไม่เวิร์ค เนื่องจากหากร่ายมันโดยที่ไม่มี mech บนบอร์ดจะได้ minion ค่าร่าย 3 ที่ค่อนข้างอ่อน Ancient of Lore ค่าร่ายค่อนข้างสูง แต่สามารถเลือกจั่ว หรือ heal ได้ ซึ่งการเลือกได้ 2 อย่างค่อนข้างมีประโยชน์ในหลาย ๆ สถานการณ์ แต่โดยมากจะเลือกจั่วเป็นหลัก สามารถใส่ Azure Drake แทนได้ Piloted Sky Golem แม้ค่าร่ายจะหนักไปนิด แต่ความสามารถถือว่าดีพอ ๆ กับ Piloted Shredder หากอยากเน้นโหดสามารถใส่ Fel Reaver แทนได้ ส่วน Power of the Wild ถือเป็นทีเด็ดไว้เซอร์ไพรส์อีกฝ่าย ทั้งเป็นการเพิ่ม damage เพื่อสร้างความกดดัน แถมยังขยาย health ของ minion เพื่อเทรดได้คุ้มค่า และเพื่อให้อีกฝ่ายเคลียร์ได้ยากขึ้น สามารถใช้ combo กับ Living Roots ได้ ที่สำคัญสามารถ counter Explosive Trap ของ Hunter ได้เป็นอย่างดี หากต้นเกมไม่มีดรอปเทิร์น 2 ก็สามารถใช้เสก token beast 3/2 ยืนบอร์ดได้อีกด้วย



เด็คนี้ค่อนข้างชนะทางเด็ค Hunter และ Paladin แต่จะแพ้ Control Warrior และค่อนข้างเสียเปรียบ Mage แทบทุกสาย, Midrange Druid นอกนั้นค่อนข้างสูสี สามารถนำเด็คนี้ไปไต่ rank ได้ถึง rank 4 การันตีโดยผู้เขียน (ดูคลิปด้านล่างประกอบ)


สำหรับครั้งนี้ก็ขอแนะนำไว้เพียงเท่านี้ก่อน ผู้อ่านสามารถนำไปลองเล่นสนุก ๆ ได้ อาจปรับแก้ตามที่แนะนำไว้ข้างต้น หรือใส่ tech cards เพิ่มเข้าไปตามสถานการณ์ของ metagame ในช่วงนั้น ๆ ครั้งต่อไปจะเป็นเด็คอะไร รอติดตามกันครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น